คลังบทความของบล็อก

วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ท่านที่ชอบดื่ม กาแฟเย็น โปรดระวังอันตรายโรคอ้วนถามหาค่าาา

** กาแฟเย็น ตัวการพาอ้วน เสี่ยงโรคเรื้อรัง คอกาแฟควรระวัง **
กาแฟกลายเป็นหนึ่งในค่านิยมของคนไทยไปเสียแล้วที่ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน ย่อมต้องแวะพักเติมพลังด้วยกาแฟสักแก้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกาแฟเย็นที่ให้พลังงานพร้อมความอร่อยที่ใครหลายคนคาดไม่ ถึงว่าทำร้ายสุขภาพของเรามากกว่าที่คิดไว้ซะอีก

เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมกาแฟเย็นถึงกินแล้วอ้วน ทั้งที่เราก็สั่งแบบไม่หวาน ลดนมข้น ไม่ใส่น้ำตาลแล้วก็ตาม แต่ก็ยังทำให้รู้สึกอ้วนขึ้น มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอยู่เหมือนเดิม ซึ่งใครที่กำลังมีปัญหาแบบนี้อยู่ละก็ เราขอให้ลองอ่านข้อมูลที่เรานำมาฝากนี้ดู เผื่อว่าจะได้ตัดใจจากกาแฟเย็นได้มากขึ้น

** ในกาแฟเย็น 1 แก้วมีอะไรซ่อนอยู่บ้าง
รสชาติที่แท้จริงของกาแฟควรจะมีรสขมนำ แต่ถ้าเมื่อไรที่ดื่มเข้าไปจิบแรกแล้วพบว่ารสชาติกลมกล่อม หอม หวาน มัน ชื่นใจละก็ ขอให้รู้ว่าเราไม่ได้กำลังดื่มแค่กาแฟเพียงอย่างเดียวซะแล้ว จากผลการสำรวจของ สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่า สิ่งที่ซ่อนอยู่ในกาแฟเย็น 1 แก้วนั้นมีมากกว่าแค่สารคาเฟอีน เพราะกาแฟเย็นขนาดแก้ว 20 ออนซ์ หรือ 600 มิลลิลิตร มีส่วนประกอบของไขมัน 22.1 กรัม โปรตีน 10.9 กรัม และคาร์โบไฮเดรต 49.4 กรัม ซึ่งให้พลังงานต่อร่างกายสูงกว่า 200 กิโลแคลอรี่ โดยพลังงานที่ร่างกายได้รับส่วนใหญ่ก็มาจากน้ำตาลที่มาจากนมข้น ครีมเทียม หรือไซรัปแต่งรสชาติในปริมาณที่มากถึง 38 กรัม หรือประมาณ 10 ช้อนชา ดังนั้นลองคิดเล่น ๆ ดูว่า หากเรากินกาแฟเย็นเฉลี่ยวันละ 2 แก้ว นั่นหมายถึง ร่างกายจะได้รับปริมาณน้ำตาลเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว !

** กาแฟเย็นสูตรไหน ดื่มแล้วทำร้ายสุขภาพมากที่สุด
ความจริงแล้วขึ้นชื่อว่ากาแฟเย็นก็ล้วนแล้วแต่ทำร้ายสุขภาพทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเมนูกาแฟยอดฮิตที่เขาขายกัน เช่น ลาเต้ มอคค่า เอสเปรสโซ่ และคาปูชิโน่ โดยกาแฟแต่ละสูตรนั้นมีปริมาณน้ำตาลไม่ต่างกันเท่าไรนัก ยกเว้นเมนูที่มีส่วนผสมของช็อกโกแลตและกาแฟที่ดื่มแล้วจะทำให้อ้วนมากกว่า เมนูอื่น ๆ อย่างเช่น มอคค่าเย็น ที่ไม่ได้ให้แค่น้ำตาลอย่างเดียว ซึ่งหากลองเปรียบเทียบปริมาณน้ำตาลในกาแฟแต่ละสูตรจะพบว่า

– ลาเต้เย็นให้พลังงานสูงถึง 288 กิโลแคลอรี่ มีปริมาณน้ำตาลประมาณ 3-9 ช้อนชา
– คาปูชิโนเย็นให้พลังงานสูงถึง 303 กิโลแคลอรี่ มีปริมาณน้ำตาลประมาณ 6-9 ช้อนชา
– มอคค่าเย็นให้พลังงานสูงถึง 400 กิโลแคลอรี่ มีปริมาณน้ำตาลประมาณ 5-9 ช้อนชา แถมยังมีปริมาณน้ำตาลที่มาจากน้ำเชื่อมและผงช็อกโกแลตอีกด้วย
แต่สำหรับกาแฟสูตรอื่นที่นอกเหนือไปจากนี้ เช่น เมนูแฟรปปูชิโน่ ทั้งแบบมีวิปครีมและไม่มีวิปครีมนั้นถือว่าเป็นเมนูกาแฟที่กินแล้วอ้วนที่ สุด เพราะให้พลังงานสูงถึง 561 แคลอรี่ และ 457 แคลอรี่ ตามลำดับ

** น้ำตาลและครีมเทียม กลลวงความอร่อยที่ทำให้เราอ้วน
นอกจากปริมาณน้ำตาลในกาแฟเย็นที่ทำให้เราอ้วนขึ้น สุขภาพแย่ลงแล้ว ยังมีตัวการร้ายที่เราต้องระวังให้ดีก็คือ ครีมเทียม เพราะครีมเทียมมีส่วนประกอบหลักเป็นไขมัน โปรตีน และน้ำตาล โดยส่วนใหญ่ก็สกัดมาจากน้ำมันปาล์มและน้ำมันมะพร้าว จึงมีปริมาณกรดไขมันอิ่มตัวสูงประมาณร้อยละ 20-50 ถือเป็นไขมันทรานส์ที่มีผลให้คอเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) ในเลือดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ระบบการทำงานของตับผิดปกติ หากเราชงกาแฟด้วยครีมเทียมครั้งละ 2-3 ช้อนขึ้นไปเป็นประจำทุกวัน แน่นอนว่าเรามีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันอุดตันในเส้นเลือด
นอกจากนี้ยังมีกลลวงความอร่อยอีกหนึ่งอย่างที่เราต้องคำนึงถึงด้วยนั่นก็คือ น้ำเชื่อมแต่งรสชาติต่าง ๆ เช่น วานิลลา ฮาเซลนัท มินท์ และคาราเมล ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในหมวดหมู่ของน้ำตาลไซรัปเติมรสชาติ ที่ส่งผลให้แคลอรี่ในกาแฟแก้วโปรดของเราเพิ่มขึ้นด้วยเหมือนกัน

** ภัยสุขภาพที่แฝงมากับกาแฟเย็น 1 แก้ว
ตามหลักโภชนาการที่ดีแล้ว ร่างกายของเราควรได้รับพลังงานโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 2,000 แคลอรี่สำหรับผู้หญิง และ 2,500แคลอรี่สำหรับผู้ชาย ซึ่งการดื่มกาแฟเย็นแม้เพียงแค่แก้วเดียว ก็ทำให้ร่างกายเราได้รับแคลอรี่สูงกว่า 1 ใน 4 ของแคลอรี่ในอาหารรวม 3 มื้อเสียอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราดื่มวันละหลายแก้ว แต่กลับไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายมากนัก ก็ไม่แปลกที่น้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการที่ร่างกายได้รับน้ำตาลในปริมาณที่สูงมากทุกวัน จนไม่สามารถเผาผลาญให้หมดในแต่ละวันได้ เกิดการแปรเปลี่ยนสภาพเป็นไขมัน กลายเป็นเซลลูไลท์ใต้ชั้นผิวหนังตามอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายเรา และยิ่งถ้าเราดื่มกาแฟเย็นเกินกว่า 1 แก้วต่อวันละก็ ร่างกายก็ยิ่งมีความเสี่ยงสูงในการโรคเสื่อมต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ได้แก่ โรคอ้วน โรคมะเร็งลำไส้ โรคหัวใจ โรคเบาหวานและความดันโลหิต สาเหตุเพราะน้ำตาลเป็นตัวทำลายความสมดุลของระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายนั่น เอง

เห็นไหมล่ะคะว่า แค่กาแฟเย็นเพียงแก้วเดียวก็มีผลต่อสุขภาพของเราให้แย่ลงได้แล้ว ดังนั้นใครที่ติดกาแฟเย็นมาก ขอแนะนำให้ลองเปลี่ยนมาเป็นกาแฟร้อนดูนะคะ เพราะการกินแบบร้อนจะทำให้เราลดปริมาณน้ำตาลและไขมันได้มากกว่า อีกทั้งยังทำให้เรารับรสกาแฟได้มากขึ้นกว่าเดิมด้วย
...................
Cr: http://www.jaowka.com/

วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เจาะลึก เรื่องเล็กแต่ขยายเป็นใหญ่ หากเจาะหูไม่รู้วิธี

เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น หลายคนก็เริ่มสนใจในการสวมใส่เครื่องประดับมากขึ้น ที่ฮิตกันสุดๆ ยาวนาน ไม่มีวันตกยุค ก็คงหนีไม่พ้นเครื่องประดับประเภท "ต่างหู" บางคนเจาะข้างละรู แต่บางคนติดกระแสแฟชั่นมากไปหน่อย เจาะมันข้างละหลายสิบรูปก็มี ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการเจาะหู ที่แค่ฟังชื่อยังน่ากลัวกับ "การระเบิดหู" โดยการระเบิดหูจะต่างกับการเจาะหูนิดหน่อย ตรงที่รูที่เจาะจะใหญ่เป็นสิบๆเท่าจากกาารเจาะหูนั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันเราสามารถหาที่เจาะหูได้ง่ายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า หรือร้านขายเครื่องประดับทั่วไป เพื่อดึงดูดลูกค้าให้ซื้อเครื่องประดับ แลกกับบริการเจาะหูฟรีๆ




>>เจาะรูบนติ่งหู หวั่นโรคไม่พึงประสงค์
การเจาะหูมีอยู่หลากหลายแบบด้วยกัน หากเป็นคนใจกล้าหน่อยก็เจาะกันแบบสดๆ ไปเลย ไม่พึ่งยาชา แต่อาจใช้น้ำแข็งประคบหรือทายาหม่องบริเวณที่ต้องการเจาะ หรือถ้าซาดิสต์กว่านั้นก็แค่ทาแอลกอฮอล์ จากนั้นก็ใช้เครื่องมือเจาะหูมีลักษณะคล้ายปืน ยิงเข็มเจาะผ่านติ่งหูไปยังแป้นด้านหลัง วิธีนี้ดูจะเป็นวิธีง่ายๆ แต่เชื่อไหมว่ามีความเสี่ยงไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะเราไม่รู้ว่าเครื่องเจาะหูประเภทนี้ใช้กับใครมาบ้าง และมีการทำความสะอาดดีพอแค่ไหน เพียงแค่คิดว่าพอเข็มเจาะเข้าไปในเนื้อ มักจะมีเลือดของคนเจาะติดอยู่ด้วยแน่นอน และเชื้อโรคบางตัวก็ไม่สามารถทำความสะอาดด้วยการเช็ดแอลกอฮอล์เพียงอย่างเดียว อย่างเช่น เชื้อไวรัสตับอักเสบบี หรือซี ซึ่งแพร่เชื้อโดยน้ำลายและเลือด และแม้จะทำความสะอาดเครื่องเจาะหูแล้ว แต่เชื้อก็สามารถติดอยู่ได้เป็นสัปดาห์เลยทีเดียว
ให้การเจาะหูกลายเป็นเรื่องจิ๊บๆ หากเลือกร้านและเครื่องมือที่ไว้ใจได้
ปัจจุบันมีเครื่องมือที่แพทย์แนะนำออกมาแล้ว ซึ่งมีลักษณะคล้ายปืนยิงเช่นเดียวกัน แต่ออกแบบให้แป้นด้านหลังสามารถเปลี่ยนได้ และมีฝาครอบกันเชื้อโรค ใช้แล้วทิ้งได้เลย นอกจากนี้ต่างหูที่ใช้เจาะหูและแป้นต่างหูก็ยังต้องผ่านการฆ่าเชื้อ เพื่อให้แน่ใจแบบสุดๆกันไปเลยว่าสะอาดจริง โดยเครื่องมือทุกชิ้นอยู่ในกล่องที่มีแพ็คเกจปิดสนิม พร้อมบอกวันหมดอายุการฆ่าเชื้อจากโรงงาน อย่างไรก็ตาม คงเป็นดีกว่านี้ หากให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนเจาะให้ โดยเลือกโรงพยาบาล หรือคลินิกที่มีเครื่องมือที่สะอาดและทันสมัย


>>> ดูแลบาดแผลอีกนิด ก็สวมต่างหูสวยๆ ได้อย่างสบายใจ
การเจาะหู ก็เหมือนกันการสร้างบาดแผลบนร่างกายนั่นเอง ดังนั้น หลังการเจาะหูต้องหมั่นทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ และอย่าแกะ เกาบริเวณบาดแผลโดยเด็ดขาด ส่วนการใส่ต่างหูก็ควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวของตนเอง เพราะส่วนใหญ่ต่างหูจะมีนิกเกิลผสมอยู่ สำหรับคนที่แพ้นิกเกิล มักจะมีอาการคันและเป็นแผลติดเชื้อได้

ถ้าทำตามคำแนะนำทั้งหมดได้ สาวๆ หรือหนุ่มๆ ทั้งหลายก็จะได้สวยอย่างปลอดภัย ไม่ติดโรคไม่พึงปรารถนาด้วย

 http://www.thairath.co.th/content/life/204363

'ค น ห น้ า บ า ง' ดีจริงหรือ

ถ้าใครมาบอกว่าคุณเป็นคนหน้าบาง อย่าเพิ่งดีใจว่าเป็นคำชมที่หมายถึงผู้ดีหน้าบาง นั่นอาจเป็นอาการส่อแววถึงผิวบาง สัญญาณอันตรายที่นำไปสู่ปัญหาผิวไม่รู้จบ

    ++ถ้าใครมาบอกว่าคุณเป็นคนหน้าบาง อย่าเพิ่งดีใจว่าเป็นคำชมที่หมายถึงผู้ดีหน้าบาง นั่นอาจเป็นอาการส่อแววถึงผิวบาง สัญญาณอันตรายที่นำไปสู่ปัญหาผิวไม่รู้จบ

++ปัญหาผิวบางสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกวัย โดยเฉพาะเด็กสาวยุคนี้ที่ให้ความสำคัญในเรื่องความสวยงามสูงสุด เพียงแค่อายุ 15-16 ปีก็เริ่มมีอุปกรณ์แต่งหน้า-บำรุงผิวครบชุด แต่หารู้ไม่ว่าความงามที่เกิดก่อนวัยส่งผลร้ายต่อผิวหน้า และนำมาสู่ปัญหาผิวบางเร็วขึ้น


>> "ยิ่งทุกวันนี้ การซื้อขายเครื่องสำอางผลัดเซลล์ผิว ที่มีส่วนผสมของกรดหรือสารฟอกผิวขาว เอเอชเอ บีเอชเอ สามารถทำได้ง่ายและรวดเร็วผ่านทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีเว็บไซต์นำเสนอขายจำนวนมาก เด็กๆ นิยมสั่งซื้อมาใช้เองโดยไม่มีผู้เชี่ยวชาญแนะนำ" พญ.พรภุชงค์ เลาห์เกริกเกียรติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเลเซอร์ ประจำศูนย์ความงามโรงพยาบาลพญาไท 3 กล่าว

>>ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พญ.พรภุชงค์ พบว่า คนอายุน้อยมีปัญหาเรื่องผิวบางมากขึ้น เด็กวัยรุ่นหลายคนมาพบแพทย์ด้วยอาการแพ้เครื่องสำอาง ถึงขั้นหน้าแห้ง ลอกเป็นขุยและผิวหน้าบาง ส่วนหนึ่งเกิดจากการใช้อุปกรณ์และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่ผิดวิธี หรือว่าแต่งหน้ามากเกินไป ก่อให้เกิดปัญหาหน้าบางได้ รวมถึงการรักษาด้วยยาจากหมอที่มีส่วนผสมของ Retin-A (กรดวิตามิน A หรือพวก Retinol) ซึ่งพบในผลิตภัณฑ์ต้านริ้วรอย ลบเลือนริ้วรอยและยาแต้มสิว หรือเลเซอร์ก็มีผลให้เกิดปัญหาผิวระคายเคืองได้เช่นกัน

++คนไข้ต้องคุยกับหมอที่รักษาก่อนว่า คุณมีปัญหาอะไรกับผิวหน้า เช่น เป็นสิวอาจจำเป็นต้องใช้ยาทาสิว แต่อาจมีปัญหาผิวหน้าได้ จึงต้องระมัดระวัง ต้องเลือกใช้ยาทาสิวที่มีเปอร์เซ็นต์ค่อนข้างต่ำ ไม่ขัดหรือสครัปผิวหน้าแรงเกินไป และหมอต้องบอกวิธีใช้อย่างละเอียด เช่น เริ่มต้นอาจใช้วันเว้นวัน หรือใช้แล้วรีบล้างทันที ค่อยๆ ให้ผิวมีความทนทานมากขึ้น ถ้ามีปัญหาผิวแห้งอาจใช้ครีมบำรุงผิวร่วมด้วย" พญ.พรภุชงค์กล่าว

หลายคนคงสงสัยและคิดในใจว่า ผิวบางกับผิวแพ้ง่าย เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

++แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง บอกว่า มีความหมายใกล้เคียงกัน กล่าวคือคนผิวบางอาจไม่จำเป็นต้องแพ้ง่าย เช่น ผิวบางตามอายุอาจไม่ได้แพ้อะไรมากมาย แต่ผิวที่บางลงอาจทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย โดยเฉพาะคนผิวแพ้ง่ายอาจเริ่มตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น

สภาพผิวยังไม่บางแต่เริ่มแพ้แล้ว ยิ่งมีอายุผิวก็จะบางลงเรื่อยๆ แต่อาจมีอาการคล้ายๆ กัน

เพราะผิวบางส่วนหนึ่งเกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไปกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ เซลล์ผิวหลุดลอกขึ้นมาทำให้เกิดอาการแพ้ โดยเริ่มจากอาการระคายเคือง หากรุนแรงมากถึงขั้นอักเสบกลายเป็นอาการแพ้ไป

++นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับพันธุกรรม บางคนพันธุกรรมดีสภาพผิวดีไปจนถึงอายุ 40-50 ปี ขณะที่บางคนอายุแค่ 20 ปีกว่าๆ เริ่มมีปัญหาผิวพรรณ รวมไปถึงการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย คอลลาเจนใต้ผิวหนัง และวิถีการใช้ชีวิตของแต่ละคนด้วย เช่น หากได้รับแสงแดดบ่อยๆ ทำให้คอลลาเจนคือ โปรตีนซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักๆ ของชั้นผิวหนังถูกทำลายมากกว่าคนทำงานในที่ร่ม

++สำหรับการเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวธรรมดา ไม่จำเป็นต้องแบรนด์หรูหรือราคาแพง แต่ควรเป็นแบรนด์ที่มีคุณภาพน่าเชื่อถือ มีข้อมูลให้ศึกษารายละเอียด และได้รับการรับรองว่ามีความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยา (อย.)

>>>เทคนิคการดูแลผิว

1. เริ่มตั้งแต่การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ต้องอ่อนโยน ปราศจากน้ำหอม สารระคายเคือง มีค่าความเป็นกรดด่างที่เหมาะสม ได้รับการทดสอบแล้ว ว่าไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
2. ผู้ที่มีปัญหาเรื่องผิวแห้ง ควรใช้ครีมบำรุงที่เรียกว่า มอยซ์เจอไรเซอร์สม่ำเสมอ
3. หลีกเลี่ยงการขัดผิวหน้ารุนแรง ไม่ล้างหน้าบ่อย ไม่ใช้น้ำอุ่นล้างหน้า
4. การเลือกครีมกันแดด หากอยู่ในร่มใช้ครีมกันแดดค่า SPF 15-20 แต่ถ้าอยู่กลางแจ้งอาจต้องใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปและสามารถปกป้องได้ทั้งยูวีบี ยูวีบี
5. กรณีที่มีปัญหาใบหน้าหมองคล้ำ ควรใช้โลชั่นหรือครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากกรดผลไม้ เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวใหม่ให้ขาวขึ้น โดยมีขั้นตอนเช่นเดียวกับการลดริ้วรอย หรือมีปัญหาเรื่องผิวหมองคล้ำควรใช้ผลิตภัณฑ์ไวเทนนิง
http://www.bangkokbiznews.com/

ค ว า ม ลั บ ในการแต่งหน้าของสาวเกาหลี

อันยองฮาเซโย เดี๋ยวนี้ใครๆก็อยากสวยใสแบบสาวเกาหลี แต่สาวผิวสีหน้าไทยอย่างเราจะมีทางใดที่จะไฉไลได้กับเค้าบ้าง อ๊ะๆ! อย่าเพิ่งให้ไปหยิบแป้งขาววิ้งมาตบหน้า จะโดนหาว่าตกกระป๋องแป้งเอาได้ ลองอ่านเคล็ดลับดีๆก่อน รับรองการแต่งหน้าครั้งต่อไปจะดูเกาหลีสุดๆอะ


>>BB Cream เป็นไอเทมที่ขาดไม่ได้ เรียกได้ว่าขาดเธอขาดใจ หัวใจสำคัญคือเลือกสีให้เหมาะกับผิวหน้า บีบี ครีมนอกจากจะให้แทนรองพื้นได้แล้ว ยังช่วยให้ผิวหน้าดูสุขภาพดีอีกด้วย


>>แป้งฝุ่น แป้งหนาๆ .. เราไม่เอา อย่าคิดไปว่าโบกแป้งหน้าๆจะได้ดูเนียนเด้ง จริงๆแล้วสีผิวหน้าเราดูดีควรแก่การโชว์จะตายไป การลงแค่แป้งฝุ่นจะดีกับคุณมากกว่า เพราะแป้งพัพ อาจเกิดการเปลี่ยนสีเมื่อโดนเหงื่อ หรือเวลาผ่านไป ยิ่งทำให้หน้าดูหมอง สังเกตุเวลาที่เช็ดเครื่องสำอาง ผิวของเราดูดีกว่าตอนมีแป้งเยอะเลย


>>อายแชร์โด้ เป็นอีกไอเทมที่ขาดไม่ได้เลยนะ อย่าคิดว่าไม่ใช้ก็ไม่มีใครเห็น ดวงตาใสๆของสาวๆเกาหลี หากคุณมองใกล้ๆ พวกเธอทาอายแชร์โด้ไว้ตลอดล่ะ เพราะไม่ได้เป็นสิ่งยุ่งยากอะไร ขอแค่ใช้อายแชร์โด้สีเบจสีประกายเล็กน้อย หรือสีชมพูอ่อน ทาไปบนเปลือกตาก่อนเขียนอายไลน์เนอร์ ก็ช่วยสร้างความดึงดูดได้อย่างลับๆ


>>มาสคราร่า จะบอกว่าสำคัญกว่าอายไลน์เนอร์อีกนะ ขนตางอนๆช่วยให้ผู้หญิงดูอ่อนโยน ทุกครั้งที่กระพริบตาหนุ่มเป็นต้องหันมามองทุกครั้ง เพียงแค่ปัดมาสคราร่าให้เรียงตัวงอนออก รอบดวงตา อย่าหวังพึ่งคนตาปลอมเพราะมันดูไม่ธรรมชาติ และดูเกินความจำเป็น


>>อายไลน์เนอร์ ไม่เอ่ยถึงสิ่งนี้คงไม่ได้ แต่สำหรับสาวไทยตาคมแล้ว การรีดอายไลน์เนอร ์ ที่ดูหน้าเกินไป จะทำให้ดูดุหนุ่มๆไม่กล้าเข้าใกล้แน่นอน วิธีที่ดาราเกาหลีนิยมใช้กันมากๆ เลยก็คือ การเขียนขอบตาไว้ด้านใน โดยเขียนไปตามแนวขอบตาบน ให้ชิดกับขนตาด้านใน อย่าหนาเกินแนวขนตา แค่นี้ก็ช่วยให้ดูตากลมน่าสบตาด้วยแล้ว


>>ลิปกรอส การลงลิปสติกนั้นอาจดูมากไป และทำให้สาวๆดูมีอายุได้ ดังนั้นการทาเพียง ลิปกรอสบางๆ ให้ปากดูสุขภาพดี เพียงแค่นี้ก็ช่วยให้สวยและไม่หนักจนเกินไป


>>>จริงๆแล้วสาวไทยมีข้อได้เปรียบอยู่หลายอย่าง ทั้งผิวสีที่ดูไม่ซีด ตาสองชั้นที่ไม่ต้องง้ออายไลน์เนอะ การแต่งหน้าที่ดูเหมือนไม่ได้แต่งนั้นก็เพียงพอ และทำให้คุณดูดีแบบไม่ต้องโบ๊ะเกินความจำเป็น จนปกปิดของดีจากภายใน ยิ่งช่วงนี้ Nature ลุคกำลังมา หนาๆจัดเต็มน่ะ Out แล้วนะจ๊ะ
http://www.womanplusmagazine.com

“แอร์ สุชาวดี”หวิดเสียโฉม เตือนสาวๆระวัง 'หน้าเบี้ยว'

    หวิดเสียโฉมอีกคน “แอร์ สุชาวดี” ลูกทุ่งสาวเจ้าของอัลบั้ม “เจ้าสาวคนต่อไป” ออกมาเตือนเพื่อนผู้หญิงที่รักสวยรักงามให้ระวังการไปใช้บริการคลินิกเสริมความงามที่ไร้มาตรฐานเพราะกำลังระบาดทั่วไป เนื่องจากตัวเธอเองหวิดเสียโฉมมาแล้วแค่แพ้ยาฉีดหัวสิวเท่านั้น

เนื่องจากผลข้างเคียงทำให้หน้าเบี้ยวต้องยกเลิกงานโชว์เพลงไปหลายงาน โดยเผยถึงเรื่องนี้ว่า

“แอร์ไปใช้บริการที่คลินิกชื่อดังแห่งหนึ่งย่านถนนอโศกโดยวิธีซื้อคอร์ส ซึ่งทางคลินิกเห็นว่าแอร์เป็นสิวก็แนะให้รักษาสิวไปด้วย โดยวิธีฉีดยาเพื่อให้หัวสิวยุบแอร์ก็ตกลงแต่พอฉีดไปแล้วเช้าวันรุ่งขึ้น หน้าแอร์กลับบวมฉึ่งแถมเบี้ยวและคางโย้อีกต่างหาก ทำ ให้แอร์เครียดมากไม่กล้าส่องกระจกเลยต้องยกเลิกงานเพลงที่รับไว้ หลายสิบงานเสียทั้งเวลาและเสียทั้งเงินแล้วยังมาขาดรายได้อีก จึงขอเตือนเพื่อน ๆ ผู้หญิงจะไปใช้บริการคลินิกเสริมความงาม ต้องระวังให้ดี เพราะผลข้างเคียงมีเยอะมากหากไม่ได้มาตรฐานแล้ว อย่าไปใช้บริการเลยเพราะแอร์ก็หวิดเสียโฉมมาแล้วค่ะ”.


http://www.dailynews.co.th/

เทรนด์ฮอตในญี่ปุ่น "แทททูฟัน"เทรนด์ใหม่คนชอบแทททู

เทรนด์ฮอตในญี่ปุ่น"แทททูฟัน"ตกแต่งฟันเป็นลวดลายตามจินตนาการ เพื่อยิ้มแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร สำหรับคนที่ชอบแตกต่าง

สาวๆ ที่อยากมียิ้มที่“ไม่เหมือนใคร” ยิ้มออกมาทีไรคนอื่นต้องจ้องตาแทบถลน เราขอนำเสนอเทรนด์ฮิตในญี่ปุ่นที่ไม่ใช่แค่ฟันขาวกระจ่างใสหรือเป็นเขี้ยวน่ารักๆ ที่กำลังฮิตกันในประเทศอื่นๆ แต่เป็น “แทททูฟัน” แปลก ใหม่ ไม่เหมือนใคร แถมยังทำได้โดยไม่เจ็บ

ถึงจะเรียกว่าแทททู แต่ที่จริงเทรนด์นี้ก็เหมือนกับการเพ้นท์เล็บ เพราะใช้วัสดุชนิดต่างๆ แปะติดบนฟันด้วยกาวชนิดพิเศษเป็นลวดลายสุดเก๋ จากนั้นใช้แสงแอลอีดีฉายลงไปเพื่อทำให้กาวแห้งเร็ว โดยผู้บริการบอกว่าสามารถลอกออกได้ในเวลาไม่นาน


ส่วนลวดลายก็มีให้เลือกหลากหลายขึ้นอยู่กับจินตนาการและความสร้างสรรค์ของเจ้าของฟัน โดยสาวๆ นิยมเลือกลายบนฟันให้แมทกับลายหรือสีที่เพ้นท์บนเล็บ ตอนนี้เทรนด์นี้ยังอยู่แค่ในญี่ปุ่นเท่านั้น ส่วนจะมาไทยเมื่อไหร่ ต้องคอยติดตาม

มาที่อีกไอเทมจากญี่ปุ่น กับเคสไอโฟนสุดชิค “ดอกกิริ แฮนด์ เคส” เคสไอโฟน 4 รูปมือสำหรับคนที่อยากจับมือใครสักคนตลอดเวลา นอกจากความแปลกในเรื่องดีไซน์แล้ว ยังมีประโยชน์ด้านการใช้สอย คือทำให้หยิบจับไอโฟนได้สะดวกมากขึ้น ไม่ต้องกลัวว่าจะทำหล่น และยังทำให้คนที่เหงาอบอุ่นขึ้นเมื่อรู้สึกว่าได้จับมือใครสักคน แต่ถ้ามองอีกด้านเคสนี้ก็ดูน่ากลัวไม่เบา ยิ่งวางทิ้งไว้มืดๆ อาจทำให้ผู้ใช้สะดุ้งได้

ไอโฟนเคสรูปมือสุดเหมือนจริงตัวนี้ ผลิตจากซิลิโคนและไวนิล ที่เด็ดคือมีให้เลือกทั้งแบบมือเรียวยาวนุ่มหยุ่นของผู้หญิงและมือป้อมสั้นน่ารักของเด็ก ซึ่งน่าเสียดายที่ยังไม่มีแบบมือแข็งแรงของชายหนุ่มสำหรับสาวๆ โดยจะเริ่มวางขายปลายเดือนกันยายนนี้ในราคาตัวละประมาณ 1,900 บาท

และอีกหนึ่งผลงานการออกแบบสุดล้ำซับซ้อนของดีไซเนอร์ชาวอิสราเอล กับกระเป๋าและเครื่องประดับในชื่อ “บลูมมิ่ง สตรัคเจอร์” ชิ้นงานที่ออกแบบให้สามารถเปลี่ยนรูปทรงได้ตามธรรมชาติของผู้ใช้ โดยใช้ผ้าไหมตัดด้วยเทคนิคเลเซอร์คัท นำมาทำกระเป๋าใส่โทรศัพท์และลิปสติคหรือสร้อยที่จะเปลี่ยนรูปทรงตามการเคลื่อนไหวของผู้สวมโดยยึดติดแต่ละส่วนด้วยเชือก และใช้วิธีรูดเพื่อหาช่องใส่ของ เวลาใช้อาจงงๆ แต่ก็ดูสวยแปลกดี

ทีมเดลินิวส์ ออนไลน์
dnshopaholic@gmail.com
 http://www.dailynews.co.th/

6 วิ ธี เ ช็ ก ถึ ง เ ว ล า เ ข้ า คลินิกความงาม


โดย...มัลลิกา นามสง่า

    เดี๋ยวนี้คลินิกความงามมีเกลื่อนทุกมุมเมือง และผู้คนก็เดินเข้าออกกันขวักไขว่ นั้นเพราะเรื่องสวยๆ งามๆ นี้พลาดกันไม่ได้ โดยเฉพาะคุณผู้หญิงไม่ว่าจะวัยใดไม่มีวันเสียล่ะที่จะหยุดสวย และปล่อยให้รูปร่างผิวพรรณหน้าตาล่วงเลยไปตามกาลเวลา

ทว่าการเดินเข้าคลินิกความงามแต่ละครั้งก็เป็นการละลายทรัพย์ อาจได้สวยแต่กระเป๋าแฟบ ดังนั้นควรเข้าในเวลาที่จำเป็นจริงๆ ดีกว่า นึกอยากเข้าก็เข้า เห็นคนอื่นทำก็ทำตามจะดีกว่าไหม วันนี้เราจึงมี “ วิธีเช็กถึงเวลาที่คุณต้องเข้าคลินิกความงามแล้วหรือยัง” มาฝาก โดยผู้เชี่ยวชาญเรื่องความงามจาก Pleroma


 1.ใบหน้า : หน้าหย่อนคล้อย รูขุมขนกว้าง สาเหตุของการเกิดผิวหน้าหย่อนคล้อย เมื่อเราอายุมากขึ้น เส้นใยคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินในชั้นผิวหนังจะเสื่อมสลายไปตามธรรมชาติ เกิดปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยตามมา และในบางครั้งอาจจะมีการสูญเสียไขมันในชั้นใต้ผิวหนังร่วมด้วย บริเวณที่พบปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยได้บ่อยๆ เช่น บริเวณเปลือกตาบนและล่าง รอยย่นและถุงใต้ตา บริเวณแก้มส่วนล่างตามแนวขากรรไกร และแนวลำคอ
รูขุมขนกว้าง มักพบในคนที่มีผิวมันหรือผิวผสม เพราะว่าประเภทผิวลักษณะดังกล่าวจะมีน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติที่ต่อมไขมันสร้างขึ้นมามาก นอกจากนี้เมื่อเราอายุมากขึ้นรูขุมขนก็ดูกว้างขึ้นตาม วิธีแก้ไขรูขุมขนกว้าง คือ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดความมันและกระชับรูขุมขน เช่น โทนเนอร์ ออยคอนโทรล


 2.ผมสวย ผมแห้งเสียดูไม่มีชีวิตชีวา ผมพันกันได้ง่าย และให้ความรู้สึกกระด้างเมื่อสัมผัส ขาดความเงางาม

สาเหตุของผมแห้งเสีย การสระผมบ่อยเกินไป รวมไปถึงการใช้แชมพูแรงๆ สระผม ทำให้น้ำมันตามธรรมชาติของผมที่ช่วยให้ผมเงางามหลุดออกไปหมด ความร้อนจากอุปกรณ์จัดแต่งทรงผม การย้อมผม ยืดผม และดัดผม ทำให้เกล็ดผมหลุดลอก ทำให้ความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นของเส้นผมลดลง ผมจึงสูญเสียความชุ่มชื้น นอกจากนี้ผมแห้งสามารถเป็นสัญญาณบอกว่าคุณได้รับสารอาหารบางอย่างไม่เพียงพอ เช่น โอเมก้า 3 ที่พบได้ในน้ำมันปลาและปลาทะเลน้ำลึกอย่างเช่น ปลาแซลมอน

การดูแลรักษาผมแห้งเสีย หลังสระผม บำรุงผมด้วยครีมนวดผมทุกครั้ง หากคุณมีหนังศีรษะมันง่ายหรือมีผมมัน หลีกเลี่ยงการใช้ครีมนวดผมบริเวณนั้น ใช้ครีมนวดแค่ส่วนปลายผมหรือห่างจากหนังศีรษะประมาณ 3-4 นิ้ว นอกจากนี้ไม่ควรสระผมบ่อยเกินไป หากคุณมีผมแห้ง คุณควรสระผมเพียง 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ บำรุงผมด้วยทรีตเมนต์สัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยทรีตเมนต์จะเข้าไปเติมช่องว่างที่เกล็ดผมหลุดลอกออกไป ทำให้ผมสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้มากขึ้น


 3.รูปร่าง เซลลูไลต์ ตามร่างกาย เซลลูไลต์ คือ ลักษณะของเซลล์ไขมัน ที่สะสมอยู่ชั้นบนของผิวหนัง โดยจะมีลักษณะขรุขระ คล้ายผิวเปลือกส้ม เป็นก้อนนูน ไม่เรียบเนียน มักพบได้บริเวณสะโพก ต้นขา ต้นแขน ก้น หน้าท้อง

 สาเหตุของการเกิดเซลลูไลต์มีได้หลายสาเหตุ เริ่มตั้งแต่ระบบเผาผลาญอาหารในร่างกายผิดปกติ ขาดการออกกำลังกาย หรืออาจเกิดจากความไม่สมดุลของระบบฮอร์โมน เอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน โดยที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเป็นตัวที่กระตุ้นการสะสมไขมันในร่างกาย ส่วนฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน จะเป็นตัวที่ทำลายระบบไหลเวียนเลือดและน้ำเหลืองให้เสียไป ทำให้เกิดการสะสมของสารพิษ และส่งผลต่อคอลลาเจน และอีลาสตินในผิว ทำให้โครงสร้างหย่อนคล้อยเสียความยืดหยุ่น ผิวจึงเป็นก้อนไม่เรียบเนียน


 วิธีกำจัดเซลลูไลต์ เช่น การออกกำลังกาย ได้แก่ การเดินออกกำลัง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เป็นต้น จะช่วยทำให้เซลลูไลต์ที่สะสมอยู่สลายตัว และกระชับขึ้น เลือกรับประทานผลไม้ที่มีกากใยมากๆ จะช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย และควรงดรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต น้ำตาล อาหารรสเค็ม ไขมันสัตว์ กาแฟ แอลกอฮอล์ เพราะสิ่งเหล่านี้ยากที่จะขจัดออกจากร่างกาย

การขัดผิว การขัดผิว ด้วยแปรงหรือใยขัดผิว ระหว่างอาบน้ำจะเป็นการช่วยเรื่องการระบายของเหลวและกระตุ้นระบบหมุนเวียนโลหิตและน้ำเหลืองได้ดีขึ้น รวมทั้งยังช่วยกำจัดสารพิษออกจากผิวหนัง การขัดผิว ควรจะขัดในลักษณะเคลื่อนที่เป็นวงกลม นอกจากนี้ควรใช้เจลอาบน้ำหรือสบู่ที่มีส่วนผสมของน้ำมันเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้งหรือเกิดการระคายเคือง ปรับปรุงระบบการไหลเวียน ทำให้เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังแข็งแรงขึ้น และละลายไขมันส่วนเกิน

 4.ตา : ริ้วรอยตา ตาตก ถุงใต้ตา สำหรับสาเหตุการเกิดถุงใต้ตา มี 2 ปัจจัย คือ การสะสมของไขมันบริเวณรอบดวงตามีสาเหตุหลักมาจากอายุที่มากขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาเริ่มอ่อนแอลง ชั้นผิวคอลลาเจนสร้างน้อยลง ไขมันที่เคยรองรับที่กระบอกตาดีๆ ก็จะมีการเลื่อนไหลออกมากองอยู่รอบดวงตา ประกอบกับชั้นผิวบางลงก็จะเห็นเป็นถุงใต้ตาชัดเจนยิ่งขึ้น กับอีกปัจจัยคือ การสะสมของน้ำรอบดวงตา เกิดจากกระบวนการขับถ่ายของเสียออกจากเซลล์ผิวช้าลง เนื่องจากการไหลเวียนของน้ำเหลืองและโลหิตไม่ดี ก็จะทำให้มีการสะสมน้ำที่ผิวรอบดวงตาปรากฏให้เห็นเป็นถุงใต้ตา และรอยบวมได้

 5.เล็บ เล็บหนา ผิวเล็บล่อนเปราะ อาจมีสาเหตุมาจากเชื้อราซึ่งเกิดเพราะความอับชื้น แล้วคุณไม่ได้รักษาความสะอาดดีพอ ปัญหานี้มักจะเกิดกับนักกีฬา หรือผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ หากปล่อยทิ้งไว้ เล็บคุณอาจหัก กร่อนและเสียมากขึ้น จนถึงขั้นไม่มีการงอกใหม่ คุณควรไปพบแพทย์โรคผิวหนัง ซึ่งสามารถแนะนำและรักษาได้อย่างถูกวิธี

เล็บเปลี่ยนเป็นสีต่างจากสีเล็บปกติ ไม่ว่าจะเป็นสีแดง น้ำเงิน เหลือง น้ำตาลหรือสีอื่นใดที่ผิดจากปกติโดยที่ไม่ได้เกิดจากการกระทบ กระแทก หรือเสียดสีใดๆ ให้คิดก่อนว่านั่นอาจหมายถึงเล็บของคุณเกิดการติดเชื้อ ควรไปพบแพทย์โรคผิวหนังเพื่อรับการตรวจรักษา


 6.คอเป็นริ้ว เป็นส่วนที่สังเกตถึงความหย่อนคล้อยที่เห็นได้ง่ายที่สุด เมื่อเกิดริ้วรอย ซึ่งหากคนไหนที่เจอปัญหานี้แล้ว สามารถแก้ไขได้เหมือนกัน

สาเหตุของการเกิดริ้วรอยบริเวณคอ คือ อายุ เมื่อคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวขาดความยืดหยุ่น ก็เป็นธรรมดาที่ผิวหนังจะหย่อนคล้อยไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก ขาดการบำรุง เป็นเรื่องธรรมดาที่ผิวลำคอของคุณจะหย่อนคล้อยไปตามกาลเวลา แต่คงไม่ดีแน่ถ้าคอมีริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการนี้ขึ้นทุกครั้งที่บำรุงผิวหน้าด้วยครีมและมอยส์เจอไรเซอร์ต้องทาที่ลำคอด้วย ซึ่งแสงแดดก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ผิวย่นก่อนวัย

นอกจาก 6 วิธีข้างต้นแล้ว ยังมีวิธีเช็กความสวยแบบง่ายๆ อีกหลายอย่าง สามารถเข้าร่วมฟังสัมมนาฟรีได้ในหัวข้อ “คลินิกความงามคือคำตอบสุดท้ายจริงหรือไม่” โดย Pleroma ร่วมกับไลฟ์เซ็นเตอร์ ในวันเสาร์ที่ 30 ก.ค. เวลา 10.3012.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 4 อาคารคิวเฮ้าส์ ลุมพินี (LH Bank)


Source : http://www.posttoday.com