คลังบทความของบล็อก

วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เจาะเลือดหาค่า'พีเอสเอ'วินิจฉัยมะเร็งต่อมลูกหมากได้ฉับไว

มะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตหลักของผู้ชายทั่วโลก เนื่องจากการตรวจพบทำได้เพียงการตรวจทางทวารหนักเท่านั้น ทำให้กว่าจะพบเนื้อร้ายก็ลุกลามกระจายไปสู่ร่างกายส่วนอื่นเสียแล้ว!!

ปัจจุบันยังไม่มียาที่สามารถรักษามะเร็งต่อมลูกหมากในระยะสุดท้ายได้อย่างเด็ดขาด มีเพียงยาที่ช่วยพยุงอาการเท่านั้น ดังนั้นวิธีที่จะต่อสู้กับโรคนี้ได้ดีที่สุด คือ การตรวจพบในระยะเริ่มต้น เพื่อจะได้ ทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที เพราะยิ่งตรวจพบเร็วเท่าไหร่ โอกาสที่จะรอดชีวิตก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น

น.ท.ดร.นพ.สมพล เพิ่ม พงศ์โกศล แพทย์ประจำหน่วยระบบทางเดินปัสสาวะ

ภาควิชาศัลยกรรม โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวถึง ผลการตรวจหามะเร็งต่อมลูกหมากว่า จากการวิจัย ทั้งในอเมริกาและยุโรป พบว่า การตรวจเลือดหาค่าพีเอสเอ (prostate specific antigen : PSA) ควบคู่กับการตรวจทาง ทวารหนัก สามารถช่วยให้ตรวจพบผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือ ผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมาก ในระยะแรกเริ่มได้อย่างมี ประสิทธิภาพมากขึ้น

พีเอสเอ คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่ผลิตจากเซลล์ต่อมลูกหมาก ทำหน้าที่เป็นเอนไซม์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของน้ำอสุจิจึงมี ลักษณะเป็นน้ำ ส่วนใหญ่แล้ว พีเอสเอมักจะออกจากร่างกาย ระหว่างการหลั่งน้ำอสุจิ แต่มี ปริมาณน้อยมากที่สามารถเข้าใน กระแสเลือดได้

การตรวจวัดค่าพีเอสเอเหมือนกับการตรวจเลือดทั่วไป แต่ไม่ต้องงดอาหารและเจาะเลือดตรวจเวลาใดก็ได้ จากนั้น ระดับค่าพีเอสเอจะถูกวัดโดยวิธีการทางห้องปฏิบัติการที่เรียกว่าการวิเคราะห์ภูมิคุ้มกันทางเคมี ซึ่งผลของการทดสอบมักจะรายงานเป็นนาโนกรัมต่อมิลลิลิตร (ng/ml) เมื่อมีค่าพีเอสเอที่สูงขึ้นหรือมีการเปลี่ยน แปลงอาจจะเป็นสัญญาณ บอกว่ามีความผิดปกติของต่อม ลูกหมากเกิดขึ้น

โดยปกติค่าพีเอสเอจะ ขึ้นอยู่กับระดับฮอร์โมนเพศชาย เป็นหลัก ตามด้วยอายุ ซึ่งค่า พีเอสเออาจจะค่อย ๆ สูงขึ้น ตามอายุได้ รวมทั้งเชื้อชาติ และขนาดต่อมลูกหมากด้วย ถึง แม้ผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากจะ มีความเข้มข้นของพีเอสเอใน เลือดสูง แต่ก็ไม่ได้มีความหมายว่าทุกคนที่มีค่าพีเอสเอสูงจะเป็นมะเร็ง

“สาเหตุที่ค่าพีเอสเอสูง อาจเกิดจากอาการต่อมลูกหมากโต ต่อมลูกหมากอักเสบ โดยที่ไม่มีเนื้อร้ายที่ต่อมลูกหมากก็ได้ จึงต้องตรวจให้ละเอียดอีกครั้งโดยการตรวจหาพีเอสเออิสระเพื่อจำแนกผู้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งออกจาก กลุ่มที่เป็นต่อมลูกหมากโต”

การวินิจฉัยมะเร็งต่อม ลูกหมากของคนไข้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตรวจเลือดหาค่าพีเอสเอ เพียงอย่างเดียว แต่จำเป็นต้อง ยึดหลักการตรวจร่างกาย ซัก ถามประวัติเกี่ยวกับครอบครัว ตลอดจนการตรวจทางทวารหนัก ร่วมด้วย

“เมื่อผลการตรวจค่าพีเอสเอ อยู่ที่ระดับ 4.0 ng/ml ถือว่าเป็นค่าที่ยอมรับได้สูงสุดในคนปกติ แต่ถ้าระดับของพีเอสเอ มากกว่า 10 ng/ml ผู้ป่วยจะต้องได้รับการวินิจฉัยอย่างละเอียดโดยวิธีการทางพยาธิ หรือ การตรวจทางทวารหนักต่อไปเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง จะได้ทำการรักษาต่อไป

โดยค่าพีเอสเออยู่ในช่วง 2-4 ng/ml และมีอัตราส่วนต่ำกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ จะใช้วิธีตรวจชิ้นเนื้อทางพยาธิร่วมด้วย ถ้าค่าพีเอสเออยู่ในช่วง 4-10 ng/ml และมีอัตราส่วนต่ำกว่า 23% จะใช้วิธีตรวจทางพยาธิ แต่ถ้าค่าพีเอสเอมากกว่า 10 ng/ml และมีอัตราส่วนต่ำกว่า 23% แสดงว่ามีโอกาสเป็นต่อมลูกหมากโต ไม่จำเป็นต้องตรวจทางพยาธิอีกแล้ว”

สำหรับ การตรวจทางทวารหนัก จะทำก็ต่อเมื่อคนไข้เจาะเลือดหาค่าพีเอสเอแล้วพบว่าอยู่ในระดับที่สูง รวมทั้งเมื่อหมอประเมินว่าคนไข้มีปัญหา ในการปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะติดขัด รวมไปถึง เมื่อผู้ป่วยอยู่ในภาวะต่อม ลูกหมากโต

การตรวจทางทวารหนักทำได้โดยให้คนไข้นอนหงายงอตัวบนเตียงตรวจหรือนอนตะแคงบนเตียงแล้วงอขาขึ้นให้เข่าชิดหน้าอก หมอจะใช้นิ้วมือที่สวมถุงมือที่ทาสารหล่อลื่นด้านนอกสอดเข้าไปในทวารหนัก เพราะต่อมลูกหมากอยู่หน้าต่อจากทวารหนัก หมอจะคลำดูว่าต่อมลูกหมากโตมากผิดปกติหรือไม่

รวมทั้ง ดูว่ามีก้อนนูน มีรูปร่างหรือเนื้อผิวของต่อมลูกหมากที่บ่งบอกความเป็นไปได้ของการเป็นมะเร็งหรือไม่ ถึงแม้การตรวจทางทวารหนักจะทำให้คนไข้รู้สึกไม่สะดวกแต่ก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น

“มีหลายปัจจัยที่ทำให้ค่าพีเอสเอสูงขึ้น แต่ระดับพีเอสเอที่สูงขึ้นในกระแสเลือดไม่ได้มีอันตรายเหมือนระดับไขมันในหลอดเลือด ดังนั้น การตรวจเลือดหาค่าพีเอสเอและตามด้วยการตรวจทางทวารหนัก จึงถูกนำมาใช้สำหรับค้นหาคนไข้ที่อาจอยู่ในภาวะมะเร็งต่อมลูกหมากได้ตั้งแต่ในระยะเริ่มต้นทำให้คนไข้ได้รับการรักษาได้เร็วขึ้น ส่งผลให้อุบัติการณ์ของโรคมะเร็งต่อมลูกหมากเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

นอกจากนี้ การตรวจพีเอสเอยังถูกนำมาใช้ในการติดตามผลการเปลี่ยนแปลง คนไข้มะเร็งต่อมลูกหมากหลังการเข้ารับการรักษาอีกด้วย”

น.ท.ดร.นพ.สมพล กล่าวทิ้งท้ายว่า การตรวจหาค่า พีเอสเอ จะช่วยให้พบผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้เร็วขึ้น ฉะนั้น ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะ ต่อมลูกหมากโต หรือผู้ที่มีปัจจัย เสี่ยงควรเจาะเลือดตรวจหาค่า พีเอสเอ หากเป็นโรคมะเร็งจะ ได้รักษาได้ตั้งแต่ในระยะเริ่มต้น

ส่วนผู้ป่วยที่อยากตรวจเพื่อคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากจะต้องเข้าใจว่าค่าพีเอสเอ เมื่อตรวจแล้วจะมีผลเป็นอย่างไร เหมาะสมหรือไม่ที่จะตรวจหาค่าพีเอสเอ โดย ช่วงอายุที่ไม่เหมาะในการตรวจคัดกรอง คือ ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 75 ปีขึ้นไป รวมทั้งผู้ ที่มีสุขภาพไม่ดี เนื่องจากจะเป็นอันตรายมากกว่า เพราะโรคมะเร็งต่อมลูกหมากเป็นโรคที่มีการขยายตัวค่อนข้างช้า คนไข้ถ้า อายุมาก หมายถึงน่าจะมีชีวิต ไม่เกิน 10 ปี ซึ่งอาจเสียชีวิต จากโรคหัวใจ เบาหวาน หัวใจ วาย แต่ไม่ได้เสียชีวิตจากมะเร็งต่อมลูกหมากก็ได้ จึงไม่เหมาะสม เพราะบางทีอาจจะทำให้เกิดความกังวลใจ หรือมีการรักษาที่เกินความจำเป็นได้ ตรงนี้จะต้องประเมินความเหมาะสมร่วมด้วย.


เค็ลดลับสุขภาพดี

กินอาหารฤทธิ์เย็นต้านโรคภูมิแพ้


โรคภูมิแพ้เป็นโรคยอดฮิตติดอันดับต้น ๆ ของคนเมือง โดยเฉพาะในกลุ่มวัยเด็กและวัยรุ่นซึ่งพบมีผู้ป่วยสูงมากกว่า 80% สาเหตุมีทั้งมาจากมลพิษในอากาศและสิ่งแวดล้อม ที่เปลี่ยนแปลงไป การไม่นิยมออกกำลังกาย กรรมพันธุ์ รวมถึงการเลือก รับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม ซึ่ง หากเรารู้จักเลือกรับประทานอาหารที่มี ประโยชน์ต่อร่างกายก็จะสามารถช่วย ป้องกันการเกิดโรคภูมิแพ้ได้อีกทาง หนึ่งด้วย

นพ.พลวิช กล้าหาญ จาก AMC Clinic ศูนย์รักษาภาวะโรคเรื้อรังแบบบูรณาการ ให้ความรู้เกี่ยวกับอาหารที่เหมาะสมสำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ว่า การรับประทานอาหารเราต้องคำนึงถึงเรื่องอาหารที่มีฤทธิ์ร้อนและฤทธิ์เย็น เพราะร่างกายของเราหากไม่มีความสมดุล มีภาวะร้อนเกินหรือเย็นเกิน ร่างกายจะแสดงอาการป่วยของโรคต่าง ๆ ออกมา โดยเฉพาะประเทศไทยของเรานับว่าเป็นเมืองร้อน คนส่วนใหญ่จะมีร่างกายเชิงฤทธิ์ร้อนมากกว่าชาวตะวันตก ดังนั้นควรเลือกรับประทานอาหารที่มีฤทธิ์เย็น เช่น การทานผักผลไม้ สมุนไพร หรือน้ำพริก แต่ในปัจจุบันเรามักทานอาหารเลียนแบบชาวตะวันตกอย่างอาหารฟาสต์ฟู้ด ซึ่งอาหารจำพวกนี้มีน้ำตาลและไขมันสูง ทำให้ร่างกายเพิ่มความเป็นฤทธิ์ร้อนมากขึ้น เกิดภาวะเสียสมดุลโดยร่างกายจะแสดงอาการ หน้าแดง ตาขาวเริ่มมีสีแดง อุณหภูมิในร่างกายสูง โอกาสที่จะเกิดผื่นคันและภูมิแพ้ก็มีสูง

โรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่เกิดจากสภาวะร้อนภายในร่างกายมากและเกิดการสะสมมานาน เราจึงควรเร่งปรับสมดุลให้กับร่างกายด้วยการทานอาหารฤทธิ์เย็นสม่ำเสมอและต่อเนื่อง พร้อมทั้ง หลีกเลี่ยงอาหารในกลุ่มที่มีกาเฟอีน, ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม รวมถึงหลีกเลี่ยงสารเคมีปรุงแต่งอาหารและสารปนเปื้อนในอาหาร เช่น ฟอร์ มาลินในอาหารทะเล สารกันบูด ผงชูรส เป็นต้น และควรหันมาเลือกรับประทานผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) หรือยาธรรมชาติช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคหวัด ภูมิแพ้ ติดเชื้อง่าย นอกจากนี้ควรเลือกรับประทานอาหารที่ใช้น้ำมันไม่ผ่านความร้อน ใช้เครื่องปรุงรสธรรมชาติ เช่น ซีอิ๊วหมักธรรมชาติ, มิโซะ, เต้าเจี้ยว เป็นต้น

สุดท้ายนี้ นพ.พลวิช แนะนำเมนูอาหารต้านโรคภูมิแพ้ทั้ง 3 มื้อว่า มื้อ เช้า อาจเป็นจำพวกสลัดไก่และน้ำมันมะกอก ซุปฟักทองราดน้ำมันงา ข้าวโพดต้ม 1 ฝัก น้ำมะพร้าวพร้อมเนื้อ มื้อกลางวัน ข้าวกล้องโรยงาดำ ปลา แซลมอลนึ่งพร้อมผักออร์แกนิกและน้ำจิ้มแจ่ว น้ำส้มหรือน้ำฝรั่งคั้นสด กล้วยน้ำว้า 2 ลูก และ มื้อเย็น ข้าวกล้องแกงส้มปลาช่อน ยำใหญ่ใส่สารพัด น้ำถั่วเขียวต้มใส่ขิง (เพื่อเพิ่มความร้อนให้แก่ร่างกายในฤดูหนาว) ส่วนเมนูเสริมได้แก่ ต้มยำไก่บ้าน เปาะเปี๊ยะสดใส่กุ้ง แหนมเนือง โซบะน้ำใส่มิโซะหมู

หากรู้อย่างนี้แล้วเราควรหันมาใส่ใจกับการเลือกรับประทานอาหารให้ เพิ่มมากขึ้น เพื่อสุขภาพที่ดีของร่างกาย และช่วยต้านทานโรคภัยไข้เจ็บไปในตัวอีกด้วย.

สรรหามาบอก

- โรงพยาบาลลาดพร้าว ขอเชิญหนูน้อยระดับอนุบาล-ประถมศึกษาเข้าร่วมประกวด หนูน้อยสุขภาพดีและพัฒนาเด่นในงานวันเด็ก กับโรงพยาบาลลาดพร้าว วันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2554 เวลา 10.00-16.00 น. ณ ชั้นใต้ดิน ศูนย์การค้าอิมพีเรียล เวิลด์ ลาดพร้าว ภายในงานพบกับกิจกรรมสนุก ๆ มากมาย อาทิ การประกวดหนูน้อยสุขภาพดีและพัฒนาการเด่น บริการด้านสุขภาพ เกมชิงรางวัล ฯลฯ สนใจโทร. 0-2932-2929

- โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์การสร้างการ์ตูนแอนิเมชั่น 84 ตอน 84 โรค เพื่อสุขภาพครั้งแรกของเมืองไทย เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา และถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระสังฆราชฯ ในโอกาสเจริญ พระชนมพรรษา 98 พรรษา โดยร่วมสมทบทุนจัดสร้างได้ที่ศาลาทินทัต โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ หรือบริจาคเข้าบัญชี “รับ-จ่าย โครงการเทิดไท้ ภัทรมหาราชาฯ” ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย หมายเลขบัญชี 045-535011-5 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0-2256-5005, 0-2256-5009

- คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคน คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ “การคัดกรองเพื่อหาความชุกของผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดระยะแรกในผู้ป่วยที่สูบบุหรี่” โดยไม่เสียค่า ใช้จ่าย โดยต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติดังนี้ อายุมากกว่า 40 ปี กำลังสูบบุหรี่หรือหยุดสูบบุหรี่มาไม่นานกว่า 10 ปี สูบบุหรี่มานานกว่า 20 ปี มีความประสงค์จะค้นหามะเร็งปอดระยะแรก สนใจติดต่อสาขาโรคระบบการหายใจและวัณโรค โทร. 0-2419-7755, 0-2419-7757 ต่อ 19-20 ในเวลาราชการ (ด่วน! รับจำนวนจำกัด)

เจาะเลือดหาค่า'พีเอสเอ'วินิจฉัยมะเร็งต่อมลูกหมากได้ฉับไว
http://www.dailynews.co.th